เสียงจากทนายความหญิงต่อการแก้ไขกฎหมายความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงทางเพศ
เสียงจากทนายความหญิงต่อการแก้ไขกฎหมายความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงทางเพศ คุณธารารัตน์ ปัญญา ทนายความและผู้ก่อตั้ง Feminist Legal Support (FLS) เล่าประสบการณ์จากการทำงานหน้างานในเคสความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงทางเพศ โดยชี้ให้เห็นถึง ปัญหาเชิงโครงสร้าง ของกฎหมายและการบังคับใช้ที่ยังไม่คำนึงถึงผู้เสียหายเป็นหลัก
ปัญหากฎหมายเดิมที่มุ่งรักษาสถาบันครอบครัวมากกว่าความปลอดภัยของผู้เสียหาย
ในฐานะคนที่ทำงานหน้างาน กฎหมายฉบับเดิมนั้นมีปัญหาเยอะมาก กฎหมายคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวฉบับปัจจุบันยังมีแนวคิดหลักคือ รักษาครอบครัวไว้ ส่งผลให้การทำงานของตำรวจและเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมมุ่งไปที่การ ไกล่เกลี่ย มากกว่าการปกป้องผู้เสียหาย ตัวอย่างเช่น ตำรวจมักโทรหาผู้กระทำเพื่อถามว่าจะตกลงกันอย่างไร โดยไม่สอบถามเจตนารมณ์ของผู้เสียหายเลย
ผู้เสียหายขาดข้อมูลและสิทธิในการเข้าถึงความช่วยเหลือ
ผู้เสียหายจำนวนมากไม่รู้ว่ามีสิทธิอะไร เช่น การขอคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพ หรือเข้าถึงกองทุนยุติธรรม แต่ตำรวจซึ่งควรเป็นผู้แจ้งกลับละเลย และใช้ดุลพินิจส่วนตัวในการตัดสินใจ
ช่องโหว่ของกฎหมาย และความคิดแบบอนุรักษ์นิยม
เจ้าหน้าที่รัฐจำนวนไม่น้อยยังมองว่าความรุนแรงในครอบครัว เคลียร์กันได้ หรือเป็น เรื่องเล็กน้อย เพราะสังคมยังมีทัศนคติว่า ผู้หญิงเป็นสมบัติของสามี โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นกลาง-สูงอายุ
ความหวังกับร่างกฎหมายฉบับใหม่
ร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว (ฉบับภาคประชาชน) มีเป้าหมายเพื่ออุดช่องว่างเหล่านี้ เช่น
- เน้นสอบถามเจตนารมณ์ผู้เสียหายก่อนการไกล่เกลี่ย
- กำหนดมาตรการนำผู้กระทำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญา
- เพิ่มโทษเพื่อสร้างแรงยับยั้ง
- ลดช่องว่างในการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่
พัฒนากฎหมายความรุนแรงทางเพศและการคุกคามทางเพศ
ส่วนตัวได้มีโอกาสอ่านกฎหมายการคุกคามทางเพศ คิดว่ามันเป็นอีกขั้นหนึ่งในการเพิ่มนิยามให้ครอบคลุมในการกระทำมากขึ้น กฎหมายใหม่กำหนดนิยามครอบคลุมทั้งการคุกคามด้วยวาจา การใช้ช่องทางออนไลน์ การขยายนิยามการข่มขืนกระทำชำเราให้ครอบคลุมไม่ว่าจะเป็นด้วยอวัยวะเพศหรือสิ่งอื่น และการบัญญัติเรื่อง Power Dynamic ซึ่งสะท้อนว่า ผู้กระทำที่มีอำนาจเหนือกว่า เช่น ตำแหน่ง สถานะ หรือเพศ ต้องรับโทษหนักขึ้น เป็นการยอมรับว่าความรุนแรงทางเพศไม่ได้เกิดขึ้นจาก ปัจเจก แต่ผูกโยงกับโครงสร้างสังคม
ก้าวสำคัญ แต่ไม่ใช่จุดสิ้นสุด
คุณธารารัตน์คาดหวังว่าทั้งกฎหมายคุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว (ฉบับภาคประชาชน) รวมถึงกฎหมายการคุมคามทางเพศ ที่เป็นกฎหมายใหม่ จะเป็นเครื่องมือในการคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงทางเพศในกระบวนการยุติธรรมมากขึ้น แต่ทุกอย่างไม่ได้จบลงตรงนี้ เราต้องสื่อสารและให้ความรู้แก่ประชาชน ว่าผู้เสียหายมีสิทธิและเครื่องมือใดบ้างในการเข้าถึงความยุติธรรม
กฎหมายเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งเท่านั้น นอกเหนือจากการผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายแล้ว เรายังจำเป็นต้องทำงานกับผู้บังคับใช้กฎหมายด้วย เพื่อให้ผู้บังคับใช้กฎหมายมีความเข้าใจแนวคิดเรื่องการคุ้มครองผู้ถูกกระทำ และผลักดันให้ผู้บังคับใช้กฎหมาย สามารถให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้อย่างปลอดภัย
-----
บทความจากงานเสวนา กฎหมายจะช่วยยุติความรุนแรงทางเพศและความรุนแรงในครอบครัวได้อย่างไร? วันอังคารที่ 9 กันยายน 2568 เวลา 10:00-12:00 น. ห้องวีนัส โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น