แชร์

เมื่อระบบคิดแบบชายเป็นใหญ่ นำไปสู่การใช้ความรุนแรง

อัพเดทล่าสุด: 13 มิ.ย. 2024
1061 ผู้เข้าชม

(เผยแพร่บทความเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2565)

เมื่อระบบคิดแบบชายเป็นใหญ่ ถูกปลูกฝังจนกลายเป็นตัวชี้วัดของการดำเนินชีวิต นำไปสู่การใช้ความรุนแรงในครอบครัว และจบลงด้วยชีวิตของอีกฝ่าย นี่คือเรื่องราวของคุณเอ (นามสมมุติ) ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2549 แม้จะผ่านเวลามานานแต่ตราบาปนั้นยังคงติดในใจคุณเอเสมอมา

เล่าถึงการใช้ชีวิตของคุณเอให้เราฟังหน่อยได้ไหม?

“ส่วนตัวผมเป็นคนโผงผาง ชอบพูดจาเสียงดัง ขี้โมโห และด้วยความคิดผิด ๆ ที่สั่งสมมา รักศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย ต้องให้คนอื่นเขามองว่าเก่งกล้า เวลากินเหล้าแล้วถ้ามีคนมาพูดจาไม่ดีด้วยก็จะอารมณ์ร้อน พอมีแฟนก็คิดว่าเราต้องเป็นผู้นำ ต้องหาเลี้ยงครอบครัว เป็นเจ้าชีวิตเขา พูดอะไรเราต้องถูกเสมอ แฟนต้องทำตาม มีอำนาจในครอบครัว”

ดื่มเหล้าเป็นประจำ?

“ผมเป็นคนกินดื่มทุกวัน กินเบียร์วันละ 12 ขวด ผมกินเบียร์แทนน้ำมาปีกว่า ผมหาเงินได้ง่าย ตอนนั้นขายซีดีเถื่อนรายได้ต่อวันก็ 3,000 - 4,000 บาท ด้วยความที่เป็นคนหาเงิน ช่วงแรก ๆ ผมก็คิดว่าเขาเข้ามาเพื่อเกาะเรา คิดว่าเขาไม่ได้รักเราจริง เคยทะเลาะกันแล้วก็ไล่เขาออกจากบ้าน ทุกครั้งที่ทะเลาะผมจะใช้คำพูดรุนแรง พูดเสียดสีทิ่มแทงใจเขาตลอด ผมจะพูดดูถูกเขาให้เขาอยู่ใต้อาณัติเรา แต่ไม่ได้ใช้กำลังเลย”

แต่ก็เลยเถิดมาจนถึงขั้นใช้ความรุนแรงด้านร่างกาย?

“ตอนนั้นแฟนผมเข้าใจผิดว่าผมจะไปนัดเจอกับผู้หญิงคนอื่น เพราะผมก็ค่อนข้างเจ้าชู้ เขาตามเรามาถึงวงเหล้า ซึ่งเรากำลังเมากรึ่ม ๆ ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เลยโมโหที่ทำให้เสียหน้า และศักดิ์ศรีมันค้ำคอ เราทะเลาะกัน กลับถึงบ้านก็ยิ่งทะเลาะกันแรงขึ้น จนเลยเถิดไปใหญ่โต ผมกระทืบที่ศีรษะแฟน แฟนสลบนิ่งไป”

“เราไม่คิดว่าเขาจะเป็นอะไรมาก พอได้สติก็เลยไปเรียกเด็กข้างบ้านให้มาช่วยดู ก็คิดว่ารอเขาตื่นแล้วค่อยคุยกัน แต่ผ่านไปครึ่งชั่วโมงเขาก็ยังไม่ฟื้น ผมเห็นท่าไม่ดีก็เลยไปเรียกข้างบ้านมาช่วยและพาไปโรงพยาบาล”

“ตอนที่พยาบาลเขาบอกผมว่าแฟนผมเสียชีวิต ใจผมหล่นวูบ เหมือนฟ้าผ่าลงกลางอก ผมฆ่าเขาด้วยมือผมเอง นี่คือเรื่องที่ผมเสียใจที่สุดในชีวิต และผมไม่เคยเกลียดตัวเองเท่านี้มาก่อน”

“ผมเสียใจและเกลียดตัวเองมาก เลยให้พยาบาลเรียกตำรวจมาจับ ผมสารภาพและยอมรับผิดทุกอย่างไม่มีการต่อสู้คดีแต่อย่างใด ยอมรับกรรมจากสิ่งที่ตัวเองทำ”

สุดท้ายคุณเอถูกตัดสินโทษ 10 ปี เนื่องจากรับสารภาพศาลลดให้เหลือ 5 ปี และได้อภัยโทษเหลือ 3 ปีกว่า คุณเอบอกกับเราว่าแม้ต้องติดคุกก็ไม่สาสมกับสิ่งที่ทำไว้

“ทุกวันนี้แม้จะได้รับโทษทางกฎหมายแล้ว แต่ตราบาปในใจไม่เคยหายไปไหน มีอยู่ทางเดียวที่จะทำให้มันดีขึ้นก็คือต้องทำอะไรให้สังคม อานิสงส์นี้จะได้ไปถึงแฟนผมที่เขาล่วงลับไป ทุกคนเกลียดผมได้นะครับ แต่อย่าทำแบบผม”


บทความที่เกี่ยวข้อง
กิจกรรมรณรงค์วันยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ร่วมกับ BBDO ร่วมนำเสนอแคมเปญ "Bring Back Second Chance Of Life คืนโอกาสดี ๆ ให้ตัวเอง และเลิกให้โอกาสที่ 2 กับความรุนแรง"
วันที่ 25 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก ปีนี้มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ร่วมกับ BBDO บริษัทเอเจนซี่แนวหน้า นำเสนอแคมเปญ Bring Back Second Chance Of Life คืนโอกาสดี ๆ ให้ตัวเอง และเลิกให้โอกาสที่ 2 กับความรุนแรง โดยสื่อสารผ่านการกลับมาของ จีจี้ สุพิชชา
25 พ.ย. 2024
7 ข้อเสนอ ที่ทุกองค์กรต้องมีเพื่อจัดการปัญหาการคุกคามทางเพศ
7 ข้อเสนอ ที่ทุกองค์กรต้องมีเพื่อจัดการปัญหาการคุกคามทางเพศ เพราะปัญหาการคุกคามทางเพศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แนวทางเอาผิดทางวินัยของแต่ละองค์กรนั้นยังไม่ละเอียดอ่อนเพียงพอที่จะจัดการกับปัญหานี้ได้
20 พ.ย. 2023
ความสัมพันธ์ทางเพศต้องเกิดจากความยินยอม (Consent)  3 คำจำและนำไปใช้ ASK-LISTEN-RESPECT
Consent หรือการยินยอม คือความเสมอภาคระหว่างเพศ เพราะนั่นหมายถึงความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย ทุกครั้งที่มีความสัมพันธ์ทางเพศต้องมีการตกลงกันอย่างชัดเจน
7 พ.ย. 2023
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy