แชร์

แบบเรียนเด็กไทยไม่ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ

อัพเดทล่าสุด: 13 มิ.ย. 2024
3348 ผู้เข้าชม

(เผยแพร่บทความเมื่อ 4 พฤษภาคม 2566)

จากประเด็นที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ถึงเนื้อหาภายในแบบเรียน ‘ภาษาพาที’ หนังสือเรียนภาษาไทยตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีการปลูกฝังทัศนคติ ชุดความคิดจากค่านิยมในอดีตที่ส่งผลกระทบต่อความคิดอันบิดเบี้ยวของเด็ก ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงและบริบทของสังคมที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน ซึ่งล่าสุดเราก็พบประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการไม่ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ และผลิตซ้ำอำนาจชายเป็นใหญ่ในแบบเรียนนี้ด้วย

“เป็นลูกผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว ไม่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปกับใคร ๆ ก่อนวันแต่งงาน” ประโยคที่มาจากแบบเรียนภาษาพาที ชั้นประถมศึกษาที่ที่ 5 หน้า 255

การปลูกฝังให้ผู้หญิง ‘รักนวลสงวนตัว’ เป็นการตีกรอบความเป็นหญิงความเป็นชาย หากไม่รักนวลสงวนตัว จะถูกตีตราจากสังคมว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี ไม่เหมาะกับเกียรติของสามี นี่คือการผลิตซ้ำและส่งต่อกรอบคิดแบบชายเป็นใหญ่ เป็นการกดทับ ลดทอนคุณค่าของผู้หญิงอย่างรุนแรง แม้ว่าหลาย ๆ หน่วยงานรวมถึงมูลนิธิหญิงชายก้าวไกลเอง จะพยายามสร้างความเข้าใจให้กับสังคม แต่แบบเรียนเล่มนี้กลับไม่เข้าใจ และปล่อยให้เนื้อหาลักษณะนี้สร้างความคิด ทัศนคติผิด ๆ ให้กับเด็ก

การปลูกฝังความคิดเหล่านี้นำไปสู่ทัศนคติต่อสังคมที่เป็นการเพิ่มความคาดหวังในตัวผู้หญิง จนถูกมองข้ามคุณค่าที่แท้จริง แต่ไม่ใช่เพียงแบบเรียนภาษาพาทีเท่านั้น ยังมีแบบเรียนอื่น ๆ ที่มูลนิธิหญิงชายก้าวไกลเคยรวบรวม และเรียกร้องให้มีการปรับปรุงเนื้อหาอีกหลายเล่ม

ปี 2561 มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับเครือข่ายผู้ปกครองและเยาวชน ยื่นหนังสือถึงกระทรวงศึกษาธิการให้มีการปรับหลักสูตรการสอนวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา เนื่องจากมีเนื้อหาลดทอนคุณค่าของผู้หญิงและส่งเสริมทัศนคติชายเป็นใหญ่ เนื้อหาบางส่วนในหลักสูตรการเรียนการสอนยังขาดความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องสิทธิความเท่าเทียมทางระหว่างเพศ การให้เกียรติเคารพในสิทธิเนื้อตัวร่างกายของผู้อื่นซ่อนความคิดแบบชายเป็นใหญ่ มีส่วนในการบ่มเพาะความคิดความเชื่อที่ผิด เช่น ผู้หญิงต้องทำงานบ้าน ดูแลลูก และครอบครัว ผู้ชายมีความแข็งแกร่งเป็นผู้นำมากกว่า ผู้ชายเปรียบเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง ซึ่งทัศนคตินี้มีส่วนทำให้ปัญหาความรุนแรงทางเพศ และความรุนแรงในครอบครัวที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

และในปี 2563 มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ได้จัดเวทีเสวนา “เมื่อแบบเรียนเป็นอุปสรรคต่อความเสมอภาคระหว่างเพศ” ซึ่งเป็นอีกครั้งที่มีการเรียกร้องให้มีการปรับหลักสูตรการเรียนสอนใหม่

การแบ่งแยก “ความเป็นหญิง” และ “ความเป็นชาย” ผ่านความแตกต่างทางด้านอารมณ์และลักษณะนิสัย เช่น เด็กผู้หญิงต้องอ่อนโยน มีความเมตตา เด็กผู้ชายต้องมีความกล้าหาญ แข็งแกร่ง ความแตกต่างด้านบทบาทหน้าที่ เช่น ผู้หญิงต้องเป็นภรรยาที่ดี ทำงานบ้าน ทำอาหารให้คนในครอบครัว ผู้ชายต้องเป็นผู้นำครอบครัวที่ดี ขยันทำงานหารายได้เลี้ยงครอบครัว ความแตกต่างทางด้านพฤติกรรม เช่น ผู้หญิงต้องรู้จักรักนวลสงวนตัว ไม่แต่งกายล่อแหลม ยั่วยุอารมณ์ทางเพศ

ทั้งหมดเป็นการเอาระบบเพศโดยกำเนิดมาตีกรอบพฤติกรรม ทำให้เด็กยึดเอาเพศของตนเป็นศูนย์กลางในการแสดงออกทางพฤติกรรมและอารมณ์

ดร.ชเนตตี ทินนาม อาจารย์ประจำภาควิชาการสื่อสารมวลชน คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ให้ความเห็นว่า “แบบเรียนเหล่านี้เป็นหลักสูตรที่ล้าหลัง ไม่ส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศและไม่ให้ความสำคัญกับเพศสภาพ เป็นการปลูกฝังทัศนคติทางอ้อมที่แนบเนียนแต่สามารถส่งผลกระทบได้อย่างรุนแรง เพราะสุดท้ายการปลูกฝังความคิดเช่นนี้จะกลายเป็นความครอบงำที่กำกับเบื้องหลังพฤติกรรมระหว่างเพศ โดยผู้หญิงเป็นฝ่ายที่สยบยอม ส่วนผู้ชายมีความก้าวร้าว ไม่รับฟัง และกดขี่

แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการปรับปรุงหลักสูตร แบบเรียนต่าง ๆ ไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่ทั้งหมด ยังมีทัศนคติของความไม่เท่าเทียม และอำนาจชายเป็นใหญ่ สอดแทรกมาอยู่เรื่อย ๆ เช่นเดียวกับในแบบเรียนภาษาพาทีเล่มนี้ เราหวังว่าผู้ที่เขียนหนังสือ ผู้ที่ออกหลักสูตร จะมีความเข้าใจ และเรียนรู้ประเด็นเชิงสังคมให้มากขึ้น ไม่ใช่เพียงเอาทัศนคติส่วนตัวใส่ลงไป เพราะนี่คือการปลูกฝังทัศคติผิด ๆ ให้กับเด็ก และส่งผลกระทบต่อสังคมในอนาคต


บทความที่เกี่ยวข้อง
บทสัมภาษณ์ คุณอังคณา อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ในงานกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก ประจำปี 2567 ซึ่งตรงกับวันที่ 25 พ.ย. ของทุกปี “Bring Back 2nd Chance of Life” คืนโอกาสดีๆ ให้ตัวเอง และเลิกให้โอกาสท
บทสัมภาษณ์ คุณอังคณา อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ในงานกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก ประจำปี 2567 ซึ่งตรงกับวันที่ 25 พ.ย. ของทุกปี “Bring Back 2nd Chance of Life” คืนโอกาสดีๆ ให้ตัวเอง และเลิกให้โอกาสที่ 2 กับความรุนแรง
17 ธ.ค. 2024
บทสัมภาษณ์ คุณทสร บุณยเนตร (Chief Creative officer) ผู้แทน บริษัท บีบีดีโอ กรุงเทพ จำกัด ในงานกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก ประจำปี 2567 ซึ่งตรงกับวันที่ 25 พ.ย. ของทุกปี “Bring Back 2nd Chance of Life” คืนโอกาสดีๆ ให้ตัวเอง และเลิกให้โอกาสที่
บทสัมภาษณ์ คุณทสร บุณยเนตร (Chief Creative officer) ผู้แทน บริษัท บีบีดีโอ กรุงเทพ จำกัด ในงานกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก ประจำปี 2567 ซึ่งตรงกับวันที่ 25 พ.ย. ของทุกปี “Bring Back 2nd Chance of Life” คืนโอกาสดีๆ ให้ตัวเอง และเลิกให้โอกาสที่ 2 กับความรุนแรง
17 ธ.ค. 2024
บทสัมภาษณ์ คุณชนกนันท์ ปรีดาเจริญ หรือ มินนี่ ญาติผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในคู่รัก ในงานกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก ประจำปี 2567 ซึ่งตรงกับวันที่ 25 พ.ย. ของทุกปี “Bring Back 2nd Chance of Life” คืนโอกาสดีๆ ให้ตัวเอง และเลิกให้โอกาสที่
บทสัมภาษณ์ คุณชนกนันท์ ปรีดาเจริญ หรือ มินนี่ ญาติผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในคู่รัก ในงานกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก ประจำปี 2567 ซึ่งตรงกับวันที่ 25 พ.ย. ของทุกปี “Bring Back 2nd Chance of Life” คืนโอกาสดีๆ ให้ตัวเอง และเลิกให้โอกาสที่ 2 กับความรุนแรง
17 ธ.ค. 2024
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy